Union of Concerned Scientists (อาจแปลว่าสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใย ตัวย่อ UCS) เป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรที่ช่วยให้เสียงสนับสนุนวิทยาศาสตร์ (science advocacy) ในประเทศสหรัฐอเมริกา สมาชิกรวมทั้งประชาชนทั่วไปและนักวิทยาศาสตร์มืออาชีพ ศ.ดร.เจมส์ แม็คคาร์ธี ผู้เป็นศาสตราจารย์คณะสมุทรศาสตร์ชีวะที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและอดีตประธานสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อเมริกัน (American Association for the Advancement of Science) เป็นประธานกรรมการปัจจุบันขององค์กร
องค์กรได้จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1969 ในช่วงหลังของสงครามเวียดนาม โดยคณะอาจารย์และนักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยเอกสารจัดตั้งแสดงจุดมุ่งหมายขององค์กรเพื่อ "เริ่มการตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลที่จำเป็นโดยทำอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญจะโดยความจริงหรือจะโดยโอกาสก็ดี" และเพื่อ "หาวิธีเปลี่ยนการสมัครหาทุนงานวิจัยไปจากเรื่องที่เน้นเทคโนโลยีการทหารในปัจจุบัน ไปสู่การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เร่งด่วน" องค์กรว่าจ้างทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และวิศวกรที่ทำงานเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและความมั่นคง รวมทั้งบุคลากรฝ่ายบริหารและฝ่ายสนับสนุน
ผู้ร่วมจัดตั้งคนหนึ่งก็คือผู้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ศ.ดร.เฮ็นรี่ เค็นดัล ผู้เป็นประธานกรรมการองค์กรประมาณ 25 ปีจนกระทั่งเสียชีวิต ในปี 1977 องค์กรได้สนับสนุน "ข้อประกาศของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการแข่งขันทางอาวุธนิวเคลียร์" ที่เรียกร้องให้เลิกการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และการเคลื่อนย้ายอาวุธไปในตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต และต่อมาภายหลังเพื่อตอบโต้โครงการสร้างอาวุธป้องกันในอวกาศ (Strategic Defense Initiative) องค์กรได้สนับสนุนคำร้องทุกข์ที่ตั้งหัวเรื่องว่า "คำอุทธรณ์ให้ห้ามอาวุธในอวกาศ"
ในปี 1992 ศ.เค็นดัลเขียนบทความ "คำเตือนของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่อมนุษย์" ที่เสนอให้มีความเปลี่ยนแปลงระดับพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงและสิ่งแวดล้อม ที่เซ็นโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 1,700 คน รวมทั้งผู้รับรางวัลโนเบลโดยมากในสาขาวิทยาศาสตร์ โดยมีข้อปฏิบัติโดยเฉพาะว่า "ยกตัวอย่างเช่น เราต้องเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ไปใช้แหล่งพลังงานที่ไม่มีวันหมด เพื่อลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกและมลพิษเข้าสู่อากาศและน้ำ ... เราต้องตรึงจำนวนประชากรให้คงที่"
ตามสถาบันนักวิชาการสถาบันหนึ่ง องค์กรเป็นมูลนิธิที่ได้รับเงินบริจาคเพื่อการศึกษาภูมิอากาศเป็นอันดับ 4 ของประเทศในระหว่างปี 2000-2002 โดยที่ 1/4 ของรายได้แบบบริจาคทั้งหมดมูลค่า 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คือที่ 6 ล้านเหรียญ) มีจุดประสงค์นั้น องค์กรที่ประเมินองค์กรการกุศลอเมริกันองค์กรหนึ่งกล่าวว่า ในปี 2013 UCS ได้รับรายได้ 26.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีรายจ่ายที่ 18.8 ล้านเหรียญ และมีทรัพย์สินมีมูลค่า 39.3 ล้านเหรียญ และในปีเดียวกันองค์กรประเมินนั้นก็ให้คะแนน UCS 91.19 จาก 100
ในปี 1999 UCS ตีพิมพ์หนังสือ แนวทางผู้บริโภคในการเลือกกระทำเพื่อสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิผล คำแนะนำเชิงปฏิบัติของ Union of Concerned Scientists ที่ "ช่วยแยกแยะสิ่งที่สำคัญและเล็กน้อย และช่วยเลือกกระทำสิ่งที่เข้ากับค่านิยมของคุณ" หนังสือระบุว่าการใช้รถที่ประหยัดน้ำมันและการขับรถให้น้อยลง เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คนโดยมากสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากตน และต่อมาในปี 2012 ก็ตีพิมพ์หนังสือคล้ายกันอีกเล่มหนึ่งชื่อ เย็นลงแบบชาญฉลาด ขั้นตอนปฏิบัติในการใช้ชีวิตแบบสร้างคาร์บอนน้อย
UCS สนับสนุนให้ปรับปรุงกฎหมายบังคับเพิ่มการประหยัดน้ำมันของรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กเช่นรถกระบะ ให้ออกกฎหมายในระดับรัฐเพื่อลดแก๊สเรือนกระจกที่ปล่อยโดยรถยนต์และรถบรรทุก ให้ลดระดับการปล่อยแก๊สเรือนกระจกอย่างลึกในสหรัฐอเมริกา และให้ปฏิบัติการทั้งในระดับชาติและนานาชาติเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กรได้ทำรายงานหลายงานเกี่ยวกับผลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาคของสหรัฐ องค์กรสนับสนุนการเพิ่มภาษีสำหรับผู้ที่ปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม และให้ผลประโยชน์ (เช่นการลดภาษี) สำหรับปฏิบัติการที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
UCS สนับสนุนมาตรฐานพลังงานทดแทนระดับชาติ เพื่อบังคับให้องค์กรผลิตไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนเช่นพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพ เป็นสัดส่วนที่กำหนดชัดเจน และสนับสนุนให้มีมาตรฐานการประหยัดพลังงานของเครื่องใช้ในบ้าน UCS ยอมรับว่าพลังงานนิวเคลียร์สามารถช่วยลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก แต่ก็ยืนยันว่า มันต้องปลอดภัยและถูกกว่านี้ก่อนที่ควรจะพิจารณาเป็นวิธีแก้ปัญหาโลกร้อนที่ใช้ได้ UCS สนับสนุนการตรวจสอบบังคับเพิ่มความปลอดภัยขององค์กรควบคุมพลังงานนิวเคลียร์ โดยเป็นขั้นต้อนหนึ่งในการปรับปรุงการใช้พลังงานนิวเคลียร์ UCS ได้วิจารณ์การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์รุ่น 3 บางแบบที่กำลังพิจารณาใช้ในสหรัฐ (คือ AP1000 และ Economic Simplified Boiling Water Reactor) โดยกล่าวถึงแบบ European Pressurized Reactor ว่าเป็นแบบเดียวใต้การพิจารณาที่ มีโอกาสปลอดภัยและยากก่อการร้ายกว่าเครื่องที่มีอยู่ในปัจจุบัน
UCS ยังรับรองบทความ Forests Now Declaration ซึ่งเสนอให้ใช้กลไกการตลาดเพื่อป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า เพราะตระหนักถึงความสำคัญของการลดการตัดไม้เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กรสนับสนุนการให้ผลประโยชน์จากรัฐสำหรับบุคคลที่ต้องการรักษาที่ดินที่ไม่ปลูกสร้างแทนที่จะขายให้กับผู้ก่อสร้าง และน้ำมันปาล์มที่ไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่า
UCS ได้กล่าวหารัฐบาลสหรัฐว่าได้เข้าไปก่อกวนวิทยาศาสตร์ด้วยเหตุทางการเมืองเป็นสิบ ๆ ครั้ง และสนับสนุนการป้องกันผู้แฉการกระทำผิดของรัฐ รางวัลทางการเงิน และเสรีภาพในการพูด สำหรับนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกลาง โปรแกรมความซื่อสัตย์สุจริตทางวิทยาศาสตร์ขององค์กร ได้ทำงานสำรวจนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกลางในองค์กรต่าง ๆ และได้เขียนบทความเซ็นโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนที่ประณามการแทรงแซงทางการเมืองในวิทยาศาสตร์
UCS สนับสนุนให้ลดการใช้ยาปฏิชีวนะในปศุสัตว์เพื่อป้องกันการดื้อยา ต่อต้านการโคลนสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ต่อต้านรูปแบบบางอย่างของอาหารดัดแปรพันธุกรรม ต่อต้านการใช้อาวุธอวกาศ และทำการเพื่อลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั่วโลก[ต้องการอ้างอิง]
ในปี ค.ศ. 1997 UCS ได้ยื่นอุทธรณ์ “นักวิทยาศาสตร์โลกเรียกร้องให้เริ่มปฏิบัติการ (World Scientists Call For Action)” ให้กับผู้นำโลกที่กำลังประชุมกันเพื่อเจรจาสนธิสัญญาพิธีสารเกียวโต โดยกล่าวว่า "มีมติส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศว่า ‘ในปัจจุบัน มีอิทธิพลจากมนุษย์ที่กำหนดได้ต่อภูมิอากาศโลก’" และกระตุ้นให้รัฐบาลต่าง ๆ "ทำสัญญาที่ผูกมัดตามกฎหมายให้ลดการปล่อยแก๊สที่กักความร้อนของประเทศอุตสาหกรรม" และเรียกปรากฏการณ์โลกร้อนว่า "เป็นภัยที่สาหัสที่สุดต่อโลกและคนรุ่นต่อ ๆ ไป" เป็นอุทธรณ์ที่เซ็นชื่อโดย "นักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่มีชื่อเสียงที่สุดกว่า 1,500 คน รวมทั้งผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่"
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2004 UCS ได้รับความสนใจจากสื่อจากการตีพิมพ์รายงาน "ความซื่อสัตย์สุจริตด้านวิทยาศาสตร์ในการออกนโยบาย" ซึ่งวิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ที่ทำวิทยาศาสตร์ให้เป็นเรื่องการเมือง เรื่องที่กล่าวหารวมทั้งการเปลี่ยนข้อมูลในรายงานปรากฏการณ์โลกร้อนที่ทำโดยสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมสหรัฐ และเลือกสมาชิกของคณะผู้ให้คำปรึกษาทางวิทยาศาสตร์โดยผลประโยชน์ทางธุรกิจแทนที่ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ ในเดือนกรกฎาคม 2004 UCS เพิ่มบทเพิ่มเติมสำหรับรายงานที่วิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีบุช และอ้างว่ามีการเปลี่ยนแปลงรายงานเกี่ยวกับเหมืองเปิดในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียอย่างไม่เหมาะสม และว่า ผู้ที่ได้รับเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติดีสำหรับตำแหน่งในรัฐบาล เช่น ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ดร.ทอร์สเต็น วีเซิล ถูกปฏิเสธตำแหน่งเพราะความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง แต่ในวันที่ 2 เมษายน 2004 ผู้อำนวยการของสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งทำเนียบขาว แจ้งว่า เหตุการณ์ที่กล่าวถึงในรายงานของ UCS "ไม่เป็นจริง" "ผิด" หรือ "บิดเบือน" แล้วปฏิเสธไม่พิจารณารายงานในฐานะ "มีอคติ" UCS โต้ตอบว่า ข้ออ้างของผู้อำนวยการไม่แสดงเหตุผล และต่อมากล่าวอีกว่า ตั้งแต่นั้นมา รัฐบาลของประธานาธิบดีบุชก็ไม่พูดอะไรอีกเกี่ยวกับประเด็นนั้นอีก
วันที่ 30 ตุลาคม 2006 UCS ออกข่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ U.S. Department of the Interior รวมทั้งรองผู้ช่วยเลขาธิการในเรื่องปลา สิ่งมีชีวิตในป่า และอุทยานแห่งชาติ ได้ไปเปลี่ยนข้อมูลวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบเพื่อลดหย่อนการป้องกันสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์และกฎหมาย
วันที่ 11 ธันวาคม 2006 UCS เผยแพร่บทความที่ร้องเรียกให้คืนความซื่อสัตย์สุจริตทางวิทยาศาสตร์ออกนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นบทความที่เซ็นโดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ 10,600 ท่านรวมทั้งผู้ได้รับรางวัลโนเบล
วันที่ 23 พฤษภาคม 2007 UCS อ้างการศึกษาร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ แล้วออกข่าวอ้างว่า "การทดสอบระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐที่ไม่สามารถแสดงว่า ขีปนาวุธตัวยิงสกัดสามารถแยกแยะระหว่างหัวอาวุธตัวจริงหรือตัวล่อหรือไม่ เป็นการทดสอบที่ไม่มีความหมาย" และ "เป็นเพียงเล่ห์กล" และเรียกร้องให้ยุติโปรแกรมพัฒนาที่สนับสนุนโดยเงินภาษีของประชาชน นอกจากระบบจะสามารถแสดงสมรรถภาพที่กำจัดภัยได้ในสถานการณ์จริง
ในวันที่ 21 มิถุนายน 2007 รายงานของ UCS กล่าวหาสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมว่าเปลี่ยนข้อมูลวิทยาศาสตร์ด้วยเหตุผลทางการเมือง เพื่อเปลี่ยนกฎควบคุมโอโซนของสหรัฐ ผู้อำนวยการของโปรแกรมความซื่อสัตย์ทางวิทยาศาสตร์ของ UCS กล่าวว่า "กฎหมายบอกว่าให้ใช้วิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ก็บอกให้ลดระดับโอโซนที่เป็นมาตรฐานลงให้ถึงระดับที่ปลอดภัย... โดยไม่สนใจข้อวิเคราะห์ของนักวิทยาศาสตร์ตนเอง สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมกำลังเสี่ยงสุขภาพของคนอเมริกันเป็นล้าน ๆ คน"
ในเดือนสิงหาคม 2008 UCS ซื้อป้ายโฆษณาที่สนามบินต่าง ๆ ในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด และเขตมหานครมินนีแอโพลิส-เซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ซึ่งเป็นเขตที่จะจัดงานประชุมเลือกผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต และของพรรคริพับลิกัน โดยที่ป้ายโฆษณาในเขตทั้งสองแห่งเกือบเหมือนกัน แต่ละแห่งแสดงภาพเขตกลางเมืองโดยมีเส้นกากบาทอยู่ตรงกลางพร้อมกับข้อความว่า "เมื่อระเบิดนิวเคลียร์ลูกเดียวสามารถทำลายเมืองทั้งเมือง" เช่นเดนเวอร์หรือมินนีแอโพลิส "เราจึงไม่จำเป็นต้องมี 6,000 ลูก" ต่อจากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อของผู้สมัครประธานาธิบดีของทั้งสองพรรคคือสมาชิกวุฒิสภาจอห์น แม็คเคน หรือบารัก โอบามา พร้อมกับคำเตือนนี้ว่า “ถึงเวลาที่จะทำอะไรเป็นจริงเป็นจังเพื่อลดภัยของอาวุธนิวเคลียร์แล้ว“ แต่ต่อมา ป้ายโฆษณาถูกถอนออกหลังจากที่สายการบินนอร์ทเวส ซึ่งเป็นสายการบินทางการของงานประชุมริพับลิกัน บ่นต่อเจ้าหน้าที่ ดังนั้น UCS จึงกล่าวหาสายการบินนอร์ทเวส ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐมินนิโซตา ว่า "กำลังเพิ่มหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์" และได้บ่นเพราะพิจารณาโฆษณาในเมืองมินนีแอโพลิสว่า "น่ากลัว" และ "ต่อต้านนายแม็คเคน"
ในเดือนมีนาคม 2011 UCS ได้สรุปเหตุการณ์ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิประจำวันทุกวันให้กับสื่อ
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/Union_of_Concerned_Scientists